ฉีดวัคซีน HPV ป้องกันเชื้อไวรัสจากเพศสัมพันธ์ ได้ทั้งหญิงและชาย

นับว่าเป็นข่าวดีทั้งหญิงและชาย ที่ปัจจุบันมีการคิดค้นและพัฒนาวัคซีนชนิดหนึ่งได้สำเร็จ นั่นก็คือ "วัคซีน HPV"ซึ่งสามารถป้องกัน ไวรัส HPV จากการมีเพศสัมพันธ์ได้ อาทิ มะเร็งปากมดลูก มะเร็งปากทวารหนัก หูดในอวัยวะเพศ และมะเร็งปากช่องคลอด รวมถึง มะเร็งในช่องปากและลำคอ อีกด้วย

ฉีดวัคซีน HPV คืออะไร

ก่อนอื่นขออธิบายเกี่ยวกับ ไวรัส HPV หรือ Human papilloma virus เป็นเชื้อไวรัสชนิดหนึ่งซึ่งมีมากกว่า 100 สายพันธุ์ โดยเชื้อไวรัสนี้สามารถเกิดได้ทั้งเพศชายและเพศหญิงที่มีอายุระหว่าง 9 – 55 ปี

ในเพศหญิง ทำให้เกิดโรค "มะเร็งปากมดลูก มะเร็งปากช่องคลอด มะเร็งช่องคลอด" ซึ่งเชื้อไวรัสจะเข้าไปเปลี่ยนแปลงเซลล์บริเวณต่างๆ ให้กลายเป็นเซลล์มะเร็ง ในเพศชาย ทำให้เกิดเป็น "มะเร็งปากวารหนัก หูดในอวัยวะเพศ " ซึ่งสาเหตุหลักเกิดจากการติดเชื้อ HPV เกิดขึ้นระหว่างการมีเพศสัมพันธ์ การสูบบุหรี่ หรือมากับโรคเอดส์ นอกจากนี้ยังเกิดขึ้นได้ในบริเวณช่องปากและลำคอ 

วัคซีน HPV ป้องกันได้กี่เปอร์เซ็นต์

ปัจจุบันมีวัคซีน HPV รุ่นใหม่ที่สามารถป้องกันเชื้อ HPV ได้ครอบคลุมสายพันธุ์มากขึ้นกว่า 90% โดย วัคซีน HPV สามารถป้องกันการติดเชื้อไวรัส HPV ชนิดสำคัญ อย่างชนิดที่ 16 และ 18

ใครที่ควรฉีด วัคซีน HPV

1. ผู้ที่มีอายระหว่าง 9- 55 ปี ทั้งเพศหญิงและเพศชาย โดยฉีดทั้งหมด 3 เข็ม เข็มที่ 2 ห่างจากเข็มแรก 2 เดือน และเข็มที่ 3 ห่างจากวันที่ฉีดเข็มแรก 6 เดือน
2. เด็กผู้หญิงอายุ 11-15 ปี เพื่อป้องกันก่อนมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรก เนื่องจากระยะนี้เด็กจะมีภูมิคุ้มกันดีที่สุด สามารถรับวัคซีนได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยฉีด 2 เข็ม ห่างกัน 6 เดือนก็เพียงพอ
3. สำหรับผู้ที่เคยมีเพศสัมพันธ์แล้ว ประสิทธิภาพหลังฉีดวัคซีนอาจน้อยกว่าผู้ที่ยังไม่เคยมีเพศสัมพันธ์

วิธีป้องกัน เพื่อไม่ให้รับเชื้อไรวัส HPV

- เข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อ HPV ในโรงพยาบาลใกล้บ้าน 
- งดการเปลี่ยนคู่นอน
- ควรป้องกันทุกครั้งเมื่อมีเพศสัมพันธ์
- ตรวจสุขภาพประจำปีเพื่อเช็คความผิดปกติของร่างกาย

หวังว่าข้อมูลนี้จะเป็นประโยชน์กับสาวๆ Beautyhunger ไม่มากก็น้อย หากสงสัยว่าตัวเอง มีความผิดปกติบางอย่างในร่างกายโดยเฉพาะบริเวณอวัยวะเพศ ช่องคลอด ทวารหนัก ควรรีบปรึกษาสูตินารีเวชเพื่อแนะนำการรักษาต่อไป